วงการกีฬาเดือด! “กองทุนกีฬาชาติ” ประกาศเปิดสงครามกับ “กกท.”

เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF) การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) พร้อมด้วย “ทนายกระดูกเหล็ก” ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช แถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีที่มีบัตรสนเท่ห์กล่าวหาว่า ดร.สุปราณี ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้จัดการกองทุนฯ โดยมิชอบ รวม 11 ข้อหา ที่สำนักงานกองทุนฯ ชั้น 3 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ กกท. หัวหมาก

นายอนันต์ชัย แถลงว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 65 ได้มีผู้ร้องทุกข์ ยื่นบัตรสนเท่ห์ ไม่ระบุชื่อ ต่อ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. กล่าวหาว่าได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติงานอันมิชอบของ ดร.สุปราณี รวม 11 ข้อหา ซึ่ง กกท. รับเรื่องร้องเรียน ขณะที่ บัตรสนเท่ห์ได้ถูกเผยแพร่ออกสู่สื่อมวลชนสำนักต่าง ๆ ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างต่อ ดร.สุปราณี ทั้งชื่อเสียงและวงศ์ตระกูล เรื่องนี้ กกท. ต้องรับผิดชอบ และจะได้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ กกท. เป็นกรณีพิเศษ

สำหรับมูลเหตุจูงใจที่ทำให้เกิดบัตรสนเท่ห์มีอยู่ 4 ประการ คือ 1.นักกีฬาบางสมาคมไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยง และหักค่าหัวคิว ทำให้ไม่ได้รับเงินตามที่ต้องได้รับ และใส่ชื่อนักกีฬาผี แต่ได้รับเงินเบี้ยเลี้ยง, 2.เรื่องที่ กกท.ให้สมาคมกีฬาต่า งๆ กู้ยืมเงินตั้งแต่ปี 2562-2564, 3.เรื่องเงินรางวัลนักกีฬา บางสมาคมไม่พอใจ อยากได้รางวัลระดับชาติแทนระดับเขต และ 4.เกิดจากการที่ ดร.สุปราณี ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับอย่างเคร่งครัด

ส่วนผลประโยชน์ทับซ้อน และสหพันธ์มวยไทยนานาชาติ (IFMA) สมาคมอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับมวยไทยไม่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) แม้แต่ กกท. ก็ยังไม่สนับสนุน IFMA เลย เงินสักบาทก็ยังไม่ได้ให้เลย และข่าวว่า IFMA ได้เงิน 300 ล้าน ล้วนเป็นความเท็จทั้งสิ้น นอกจากนี้ ผู้ว่าการ กกท. ยืนยันแล้วว่า IFMA ไม่ได้เงินจากกองทุนฯ แม้แต่บาทเดียว

ขณะที่ เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนคิกบ็อกซิ่ง ที่อ้างว่า นายสร้างบุญ อดีตสามี ดร.สุปราณี สร้างบริษัทใหม่ และสมาคมกีฬาคิกบ็อกซิ่งฯ นายสร้างบุญ ก็ไม่ได้อยู่ มันทับซ้อนตรงไหน ในการจัดคิกบ็อกซิ่งชิงแชมป์เอเชีย ในส่วนการดูแลนักกีฬา เขาใช้เงินเขาเอง และเขาได้มาว่าจ้างบริษัท ก ซึ่งเป็นของนายสร้างบุญ ประสานงานเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย โรงแรม การรับ-ส่ง สมาชิก เท่านั้น

ดร.สุปราณี กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ กกท. ขอเงิน 800 ล้านบาท ในการร่วมซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ศึกฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งบอร์ดกองทุนฯ อนุมัติแล้ว แต่กำหนดให้คืนภายใน ก.ย.นี้ ตอนนี้ กกท. คืนมาแล้ว 2 งวด งวดละ 100 ล้านบาท หากไม่คืนตามกำหนดจะได้เห็นสงครามระหว่างกองทุนฯ กับ กกท. นอกจากนี้ กกท. แจ้งว่าไม่มีเงินเหลือเลยในการส่งนักกีฬาทีมชาติไทย เข้าร่วมแข่งขันซีเกมส์และอาเซียนพาราเกมส์ ที่กัมพูชา กองทุนฯ จึงได้อนุมัติงบ 156 ล้านบาท ในการส่งนักกีฬาแล้ว จึงขอให้นักกีฬาทุกคนสบายใจได้ว่า กองทุนฯ ได้สนับสนุน ทั้งงบส่งแข่งขันและเงินรางวัล.